2553/02/17

แถลงการการจัดตั้ง RSIO




แถลงการการจัดตั้งองค์กรเสื้อแดงระหว่างประเทศ

RED SHIRT INTERNATIONAL ORGANIZATION (RSIO)

หลักการและเหตุผล

การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหารของประชาชนผู้รักประชาธิปไตยในประเทศไทย และต่างประเทศ ภายหลังวันที่ 19 กันยายน 2549 เป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนา และเติบโต เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายหลังเหตุการณ์ การสลายการชุมนุม ในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา มีเว็บไซต์เสื้อแดง วิทยุชุมชน และสื่อต่างๆ ของฝ่ายเสื้อแดง เกิดขึ้นอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ โดยการเกิดขึ้นของสื่อต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นมาจากความตั้งใจ และการจัดตั้งกันเอง ด้วยความสมัครใจ ด้วยงบประมาณส่วนตัวของกลุ่มคนเหล่านั้น

ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของประชาชนในประเทศไทย ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อันเนื่องจากมีกฎหมายบางมาตราควบคุมอยู่ และมีบทลงโทษที่รุนแรง ดังนั้น จึงทำให้การเคลื่อนไหวเพื่อการเผยแพร่ข้อเท็จจริงบางอย่าง ไม่สามารถที่จะนำเสนอได้อย่างอิสระ เป็นผลทำให้ประชาชนส่วนหนึ่ง ยังคงมีความคิด ความเชื่อ และเข้าใจในด้านการเมืองการปกครองของไทยผิดไปจากความเป็นจริง อันนำมาสู่ความด้อยพัฒนา ของระบอบประชาธิปไตยของไทย และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป หากประชาชนไทยส่วนใหญ่ ยังคงไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่แท้จริงได้

การสร้างความเข้าใจในที่มาที่ไปของระบอบประชาธิปไตยในเมืองไทย และระบอบศักดินาของไทย ที่เป็นตัวปัญหาต่อความล้าหลังของประชาธิปไตยในเมืองไทย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราเองมีบุคลากรที่ได้เสียสละเวลา และอิสระภาพของตนเอง ผลิตชิ้นงานเพื่อเผยแพร่แนวคิดด้านประชาธิปไตยที่ถูกต้อง อยู่มากมายหลายท่าน ทั้งที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทยเอง และอยู่ในต่างประเทศ และมีสื่อเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่กล้าจะนำเสนอความจริง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศทั้งนั้น

เมื่อการเคลื่อนไหวภายในประเทศไทย ในการเผยแพร่ข้อมูลด้านประชาธิปไตยเป็นไปได้ยาก ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องอาศัยพลังมวลชนชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศเป็นตัวขับเคลื่อนการเผยแพร่ความรู้ดังกล่าว ซึ่งปัจจุบัน มีคนไทยที่รักประชาธิปไตยฝ่ายเสื้อแดง กระจัดกระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก ดังนั้น เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ เราจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีศูนย์กลางของคนไทยเสื้อแดงทั่วโลก เพื่อการเคลื่อนไหวอย่างเป็นเอกภาพต่อไป

วัตถุประสงค์ของโครงการ

เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูล (Information Center) ของคนไทยเสื้อแดง ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และเพื่อสร้างความเข้มแข็ง เป็นปึกแผ่น ของคนไทยเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยในต่างแดน

2553/02/16

ว่าด้วยเรื่องประสาทพระวิหาร...


หากมาลองมองเมื่อแรกเริ่มแล้ว เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่า ประสาทพระวิหาร (Pheah Vihear) เป็นสถาปฎิมากรรมของอาณาจักรขอม (Khmer Kingdom) สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 (Suryavorman I) พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 (Suryavorman II)
เพียงแค่นี้ ก็ทำให้ ผู้เขียน รู้สึกสงสัย ในการแปลภาษา ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก เพราะหากดูชื่อ ที่เป็นสากล แล้ว จะพบว่า คำว่า เปรี๊ยะวิเฮียร์ เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขาไม้คาน ... ไม่ทราบด้วยความจงใจ หรือ อะไรก็ตาม เราจะระบุว่า โบราณ สภานแห่งนี้ สร้างโดยอาณาจักรขอม ทำไมไม่แปลว่า อาณาจักรเขมร ??? ขะแมร์ นี่ไม่ใช่เขมรหรือ ???
>> ขอผ่านประวัติศาสตร์บางส่วนไป สู่สมัยหลังการกอบกู้เอกราช ของพระเจ้าตากฯ จากพม่า







หากจะ กล่าวถึง ราชวงค์ธนบุรี ของพระเจ้าตากฯ เป็นยุคที่ สยาม มีอาณาจักรที่ใหญ่ ไม่แพ้อาณาจักรขอมในสมัยก่อนเลย



ต่อมาได้มีการตั้ง ราชวงศ์ใหม่ คือ ราชวงค์จักรี ... ในราชวงศ์นี้ได้มีการศูนย์เสียดินแดนในประเทศสยามเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัชสมัย พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เนื่องจากได้มีการล่าอาณานิคม ทรงยอมเสียดินแดนบางส่วนไป

ในสมัยรัชกาลที่ 5 แผนที่ทั้ง ฝรั่งเศสและ อังกฤษ ระบุว่าปราสาทเขาพระวิหารดังกล่าวเป็นของสยาม




















1939, รัชกาลที่ 5 ทรงสละดินแดน บริเวณที่เหลืออยู่ด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และคาบสมุทรมลายู




WW I สยามได้เขาพระวิหารมา จากสนธิสัญญาโตเกียว

WW II ญี่ปุ่นแพ้สงครามทำให้ สนธิสัญญาเป็นอันโมฆะ แล้วต่อมา กัมพูชาก็เป็นเอกราชตามสนธิสัญญาเจนิวา ทางประเทศไทย ก็นำกำลังทหารเข้ายึดเขาพระวิหาร ทางกัมพูชาจึงยื่นฟ้องต่อศาลโลก



ศาลโลกพิจารณา 9-3 ให้ประสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา













ภาพ modern GPS ใน คศ. 1907


ประเทศไทย อ้างว่า ในปี คศ. 1899 โอรสใน รัชกาลที่ 4 เป็นผู้ค้นพบ และฝรั่งเศษทำ แผนที่เพียงฝ่ายเดียยวของฝรั่งกฏเกณฑ์การแบ่งตามสันปันน้ำ





ในประเด็นแรกที่ว่า ประเทศไทยเป็นผู้พบก่อน ... ในข้อต่อสู้นี้ ไม่แน่ใจ ว่ามันจะฟังขึ้น มากน้อยเพียงใด

ในประเด็นที่ 2 ฝรั่งเศษทำแผนที่เพียงฝ่ายเดียว ข้อมูลนี้ ยืนยันตรงกันว่าปี 1907 เป็นการเขียนแผนที่ใช้ เส้นสันปันน้ำใน ฝ่ายเดียวของ ฝรั่งเศส แต่ในปี 1904 ได้มีการทำแบ่งเขตร่วมกันไปแล้ว แต่ยังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้นในปี 1907 สยามได้ถูกยึดพื้นที่ประสาทพระวิหารไปแล้วโดยยึดตาม ข้อตกลงร่วมกันในปี 1904 ตั้งแต่ถูกยึดพื้นที่ประสาทพระวิหารมาชาวสยามไม่เคยโต้แย้งในกรณีการเขียนแผนที่เพียงฝ่ายเดียวของฝรั่งเศส

ในประเด็นสุดท้าย คงเป็นไม่น่าไปไม่ได้แน่นอน เพราะ การล่าอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศสใช้ เส้นสันปันน้ำ ในการแบ่งอย่างทั่วโลก แต่ในกรณีนี้ ทางฝรั่งเศษได้ใช้ GPSสมัยใหม่ ในการวาดแผนที่ เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยพัฒนามาเป็น GPS ซึ่งปัจจุบันก็ทำมาใช้กันมาก


แต่ประเทศไทยได้ปลุกระดมความรักชาติไปแล้วครั้งหนึ่่งเมื่อตอนคำตัดสินของศาลโลก ...

ตอนพันธมิตรนี่ก็อีกที ... ลัทธิคลั่งชาติ แบบใบสั่งจริงๆ

ประวัติศาสตร์ บอกตามตรงเลย หลายอย่างคลุม หลายอย่างห้ามเปิดเผย ข้อเท็จจริง มีเพียงใดก็ไม่อาจรู้ได้เลย

ผู้เขียนเองไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ ... แต่ผู้เขียน เคารพใน มตืมหาชน ...

คำตัดสินของศาลโลกมัน จบสิ้นไปแล้ว เราจะไปด่า ว่า สมเด็จนโรดมฯ เพื่ออะไร ???

พันธมิตรเอง ก็ตาม ... หากเลือด รักชาติ ของท่านมันมี มากซะเหลือเกิน ... ท่านก็ควร พินิจพิเคราะห์ทุกอย่าง

หากเรา ถึงกับต้องสู้รบเพื่อเอาประสาทพระวิหาร มันคุ้มกันหรือไม่ กับสายตาประชาคมโลก ที่เฝ้ามองอยู่


เราไม่เคารพการตัดสิน ของศาลโลก หรือ ???


ประเทศไทย ไม่มีวันหนีจากประเทศกัมพูชาได้เลย ทำไมละ เราต้องมาทะเลาะกัน หากมาลองคิดให้ดีๆ พวกเราน่ะ มันก็สายเลือดเดียวกันนะ ... เราอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มา โดยในอดีต มีการเข่น ฆ่า ล่า อาณานิคม ของผู้ปกครองประเทศ ทำไมเราไม่ร่วมกันพัฒนา ยกระดับให้ภูมิภาคเราก้าวสู่ สากลล่ะ ... การไล่ล่า อาณานิคม สมัยนี้มันหมดยุคแล้ว


ขออ้างอิงข้อมูลหน่อยนะคะ

http://www.oknation.net/blog/Anti-Corruption/2008/07/14/entry-1

เฮ้อ... บล็อคของเนชั่นมีแต่ พธม.ใช่ไหมเนี่


*** หากมีความผิดพลาดในข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ผู้เขียนยินดีค่ะ ที่จะแก้ไขในจุดบกพร่อง ติ ได้ค่ะ แต่อย่าใช้อารมณ์นะคะ ^^
Ref